วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รู้หรือไม่? ประเทศไทยเคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาแล้วถึง 23 ครั้ง

หากย้อนกลับไปในอดีต จะเห็นว่าประเทศไทยเคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาแล้วถึง 23 ครั้ง นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยใน 23 ครั้งนี้ ออกเป็นพระราชบัญญัติ 19 ฉบับ และพระราชกำหนด 4 ฉบับ ซึ่งมีทั้งการนิรโทษกรรมในความผิดทางก่อกบฏ ก่อรัฐประหาร การชุมนุมทางการเมือง ดังนี้ 

           1. พระราชกำหนดนิรโทษกรรมในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2475 ประกาศโดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้การกระทำทั้งหลายของคณะราษฎรในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ให้เป็นการละเมิดบทกฎหมาย

           2. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในการจัดการให้คณะรัฐมนตรีลาออก เพื่อให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2476 ออกโดย พระยาพหลพลพยุหเสนา หลังทำการรัฐประหารรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
           3. พระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดฐานกบฏและจลาจล พ.ศ. 2488 ออกโดย นายควง อภัยวงศ์ เพื่อยกโทษให้กระทำความผิดฐานกบฏและจลาจล  
 
           4. พระราชบัญญัติอนุมัติพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดฐานกบฏและจลาจล พ.ศ. 2488 ออกโดย นายควง อภัยวงศ์ เพื่อปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองให้เป็นอิสระ
           5. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการต่อต้านการดำเนินการสงครามของญี่ปุ่น พ.ศ 2489 ออกโดย นายปรีดี พนมยงค์ เพื่อยกโทษให้ผู้ที่ต่อต้านญี่ปุ่น ในช่วงที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามายังประเทศไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  

           6. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำรัฐประหาร พ.ศ. 2490 ออกโดย นายควง อภัยวงศ์ เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ทำการรัฐประหารรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

           7. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ที่ได้นำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 กลับมาใช้ พ.ศ. 2494 ออกโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในครั้งที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจตัวเอง 

           8. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 ออกโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อยกโทษความผิดฐานกบฏจลาจล เนื่องในโอกาสที่พระพุทธศาสนาได้ยั่งยืนมาครบ 25 ศตวรรษ

           9. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2500 ออกโดย นายพจน์ สารสิน เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่รัฐประหารรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยระบุด้วยว่า สาเหตุของการทำรัฐประหาร เนื่องจากรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการใช้อำนาจอันไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและหวาดกลัว 

           10. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 พ.ศ. 2502 ออกโดย จอมพลถนอม กิตติขจร หลังจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศยึดอำนาจ โดยระบุว่า เป็นการรัฐประหารเพื่อกำจัดภัยคอมมิวนิสต์ที่อาจเข้ามายึดครองประเทศไทย

           11. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2502 ออกโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499

           12. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 พ.ศ. 2515 ออกโดย จอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ร่วมทำการปฏิวัติ โดยครั้งนี้เป็นการปฏิวัติตัวเอง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อชาติ และกำหนดกลไกการปกครองที่เหมาะสมเสียใหม่
           13. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ซึ่งกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับการเดินขบวนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2516 พ.ศ. 2616 ออกโดย นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อนิรโทษกรรมให้นิสิตนักศึกษาที่เดินขบวนเรียกร้องในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 

           14. พระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติที่ 36/2515 ลงวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2515 พ.ศ. 2517 ออกโดย นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อนิรโทษกรรมให้ นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ และนายบุญเกิด หิรัญคำ

           15. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พ.ศ. 2519 ออกโดย นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ทำการรัฐประหารในครั้งนั้น ซึ่งนำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

           16. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการอันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 25 และวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2520 ออกโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เพื่อยกโทษให้ผู้ที่พยายามก่อรัฐประหารรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร แต่ไม่สำเร็จ
           17. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2520 ออกโดย พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เพื่อนิรโทษกรรมให้การรัฐประหารตัวเอง

           18. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 พ.ศ. 2521 ออกโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
           19. พระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้ก่อความไม่สงบเพื่อยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2524 พ.ศ. 2524 ออกโดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อนิรโทษกรรมให้กลุ่มยังเติร์กที่พยายามก่อรัฐประหารรัฐบาลพลเอกเปรม แต่ไม่สำเร็จ

           20. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ก่อความไม่สงบเพื่อยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 8 และวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 พ.ศ. 2531 ออกโดย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อนิรโทษกรรมให้กลุ่ม "กบฏ 9 กันยา" ที่พยายามรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย

           21. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการอันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2532 ออกโดย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ได้กระทำความผิดตามกฎหมายปราบปรามคอมมิวนิสต์

           22. พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดและควบคุมอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 พ.ศ. 2534 ออกโดย นายอานันท์ ปันยารชุน เพื่อยกโทษให้คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่กระทำการรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

           23. พระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมกันระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2535 ออกโดย พลเอกสุจินดา คราประยูร เพื่อยกโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมพฤษภาทมิฬทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวการ ผู้สนับสนุน ทหารที่ปราบปรามประชาชน รวมทั้งผู้ชุมนุม

          สำหรับในปี พ.ศ. 2556 นี้ จะมีการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เพื่อล้างความผิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง ระหว่างปี 2547-2556 หรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/89598

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Halloween

ในวันที่ 31 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ เป็น วันฮาโลวีน (Halloween) ซึ่งเป็นวันที่ชาวชาติตะวันตก นิยมแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจและพาเพื่อนฝูงไปงานเลี้ยงฉลองกัน โดยในวันฮาโลวีนนั้น จะมีการประดับแสงไฟ ต่างๆ ให้คล้ายกับเมืองภูตผีปีศาจ โดยสัญลักษณะของวันฮาโลวีน คือ โคมไฟฟักทองแกะสลัก เรียกกันว่า แจ๊ก โอแลนเทิร์น (Jack-o lantern) ซึ่งประเทศที่นิยมจัดงานในวันฮาโลวีนได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหรราชอาณาจักร (อังกฤษ) แคนาดา และชาติต่างๆ อีกมากมาย แต่ในโซนเอเซียบ้านเราไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก
ประวัติวันฮาโลวีน
สาเหตุที่วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีนั้น เชื่อกันว่า เป็นวันที่ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอซ์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดปี โดยถือกันว่าเป็นวันที่มิติคนตายและ มนุษย์จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและ วิญญาณผู้เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงทำให้คนเป็นอย่างเรา ในวันฮาโลวีนจะต้องหหาทางแก้ไขด้วยการปิดไฟในบ้านทุกดวง ให้บ้านมืดมิด ร่วมกับอากาศที่หนาวซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาของบรรดาผีร้าย อีกทั้งยังมีบางส่วนจะแต่งตัวเป็นผีต่างๆ เพื่อกลบเกลือนวิญญาณว่าไม่ใช่คนเป็นนั้นเอง
Trick or treater
Trick or Treater in Halloween Day
กิจกรรมในวันฮาโลวีน
ในวันฮาโลวีน ที่นิยมจัดกันในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะกลุ่ม เด็กๆ ที่จะแต่งกายเป็นภูตผี ปีศาจ ในรูปแบบต่างๆ และพากันออกไปร่วมงานฉลองวันฮาโลวีน โดยจะเรียกการเล่นนี้ว่า Trick of Treat (หลอกหรือเลี้ยง) ซึ่งเด็กๆ ที่แต่งตัวเป็นภูติผีปีศาจนั้นๆ จะเดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ เพื่อขอขนมที่นิยมจะเป็นลูกกวาด นั้นเองและอีกหนึ่งกิจกรรมในวันฮาโลวีน นอกจากเคาะประตูขอขนมตามบ้านต่าง ๆ แล้ว ยังมีการนำ แอปเปิล กับเหรียญชนิดหกเพ็นซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ ออกจากกันได้ด้วยการใช้ปากคาบเหรียญขึ้นมา และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวถือว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปีใหม่ ที่กำลังมาถึง
ตะเกียงฟักทอง
ประวัติ แจ็ก-โอ’-แลนเทิร์น (Jack-o’-lantern)
ตะเกียงฟักทอง,  โคมไฟฟักทอง หรือ แจ็ก-โอ’-แลนเทิร์น (Jack-o’-lantern) เป็นอุปกรณ์ประดับตกแต่งสถานที่ซึ่งนิยมใช้ใน เทศกาลฮาโลวีน มีลักษณะเป็นผลฟักทองสีส้ม แกะสลักเป็นรูปหน้าคนในกริยาต่างๆ โดยมากมักเป็นกริยาแสดงอาการข่มขวัญ หรือโอดครวญ ทั้งนี้ การใช้ตะเกียงฟักทอง เป็นการระลึกถึง แจ็ก (jack) ชายชาวนาในตำนานที่หาญกล้าต่อกรกับซาตาน



วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

เขื่อนแม่วงก์

เขื่อนแม่วงก์ 


เป็นโครงการก่อสร้างในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน กั้นแม่น้ำแม่วงก์บริเวณเขาชนกัน หรือเขาสบกก  ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับอนุมัติงบประมาณก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 เป็นเงิน 13,280 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 8 ปี ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2562
เขื่อนแม่วงก์เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีความยาว 730 เมตร กว้าง 10 เมตร สูง 57 เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 13,000 ไร่ ปริมาณกักเก็บน้ำประมาณ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร 
โครงการก่อสร้างได้รับการศึกษาความเป็นไปได้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ จนกระทั่งได้รับการอนุมัติการก่อสร้างในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยให้เหตุผลว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณลุ่มน้ำสะแกกรัง แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งจากองค์กรพัฒนาเอกชน ว่าเป็นเขื่อนขนาดเล็ก ซึ่งไม่คุ้มค่าการลงทุน และต้องมีการสูญเสียพื้นที่ป่าถึง 18 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด รวมทั้งเสือโคร่ง ช้าง และนกยูง

ผลกระทบเบื้องต้น
การก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ไม่น้อยกว่า 13,000 ไร่ เป็นไม้ใหญ่ประมาณ 500,000 ต้น ซึ่งในจำนวนนี้มีไม้สักประมาณ 50,000 ต้น กล้าไม้อีก 10,000 ต้น หรือเปรียบ เทียบได้ว่าพื้นที่ป่า 1 ไร่ ที่จะถูกน้ำท่วมจะมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ 80 ต้นเป็น ไม้สัก 13 ต้น ลูกไม้ 576 ต้น และกล้าไม้อีก 1,880 ต้น
จากการคำนวณพื้นที่ป่าที่จะสูญเสียไป จากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ เมื่อคำนวณเป็น ปริมาณคาร์บอนที่ต้นไม้สามารถดูดซับไว้ได้นั้น หากมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ประเทศไทยจะสูญเสียพื้นที่ที่ สามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณ 10,400 ตันคาร์บอน ป่าแม่วงก์มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างน้อย 549 ชนิด และมีปลาอาศัยอยู่ในลำน้ำ 64 ชนิด (ใน EIA รายงานไว้ 61 แต่สำรวจเจอเพิ่มจากการลงพื้นที่อีก 3 ชนิด) ในจำนวนนี้มีเพียง 8 ชนิด หรือ 13% ที่สามารถผสมพันธุ์ในแหล่งน้ำนิ่งในอ่างเหนือเขื่อนได้นอกนั้นต้องอาศัยพื้นที่น้ำไหลหรือน้ำหลากซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ[3]

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กฎ 5 ข้อสู่เส้นทาง 150 คะแนน GAT!!

กฏ 5 ข้อ พิชิต GAT เชื่อมโยง


กฎ 5 ข้อสู่เส้นทาง 150 คะแนน


1.แผนภาพสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ

    GAT พาร์ทเชื่อมโยง หัวใจของการทำข้อสอบอยู่ที่การวาดแผนภาพเชื่อมโยงครับ ซึ่งตรงจุดนี้เองที่น้องๆหลายคนมองว่ามันยุ่งยากและไม่สนใจที่จะวาดแผนภาพ ซึ่งการที่เราไม่วาดแผนภาพเชื่อมโยงเนี่ยจะทำให้แผนภาพบางส่วนขาดหายไปได้ง่ายมากและตอนตรวจทานข้อสอบก็ทำได้ลำบากอีกเพราะไม่มีแผนภาพไว้ตรวจสอบความถูกต้อง ดังนั้นถ้าหากใครที่ยังไม่สนใจวาดแผนภาพเพราะคิดว่ามันจะทำให้ดูงงกว่าเดิม ก็ขอให้เปลี่ยนความคิดแล้วเริ่มฝึกวาดแผนภูมินะครับ ไม่ยากเกินความสามารถน้องอย่างแน่นอน

2. ตั้งสติอยู่เสมอ

    ขณะทำข้อสอบ GAT พาร์ทเชื่อมโยงสิ่งสำคัญอีกอย่างนึงก็คือ ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ห้ามเผลอปล่อยใจอ่านไปเฉยๆเด็ดขาด ขณะอ่านให้ทำการร่างแผนภาพเชื่อมโยงพร้อมกับคิดไปด้วยว่าจุดนี้สามารถเชื่อมโยงไปยังจุดไหนได้และมีจุดไหนที่เชื่อมโยงมายังจุดนี้ ถ้าน้องเกิดเผลออ่านไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้วิเคราะห์อย่างตั้งใจและมีสติจะทำให้น้องพลาดจุดสำคัญหลายๆจุดแน่นอนครับ ซึ่งคะแนนที่ออกมาก็คงไม่น่าดูแน่ๆครับ

3.อย่าคิดไปเอง

    สมองคนเรามีเรื่องแปลกอยู่อย่างนึงก็คือ ชอบคิดอะไรเกินเลยจากความเป็นจริงอยู่ตลอด เช่นเดียวกันครับ การสอบ GAT พาร์ทเชื่อมโยงมักจะมีเรื่องราวในข้อสอบหลายๆอย่างที่ทำให้น้องๆชอบคิดกันไปไกลว่ามันจะเป็นแบบนี้แน่ๆทั้งๆที่ในเนื้อหาไม่ได้พูดถึงเลย ซึ่งถ้าน้องเชื่อมโยงตามความคิดของตนเองเป็นหลัก มั่นใจได้เลยว่าหายไปหลายคะแนนแน่ๆ หลักในการทำ GAT พาร์ทเชื่อมโยงนั้นเราจะต้องคิดโดยเอาบทความเป็นหลัก อะไรที่บทความไม่ได้กล่าวถึงก็ห้ามตั้งขึ้นมาเองเด็ดขาด จำไว้เสมอนะครับว่าข้อสอบแนวอ่านแล้ววิเคราะห์ทุกสนามสอบมีอย่างนึงที่เหมือนกันก็คือ คำตอบนั้นจะอยู่แต่ในบทความเท่านั้นห้ามคิดไปเองเด็ดขาด

4.หาไอ้โม่งให้เจอ

    ขณะทำข้อสอบนั้นมักจะมีคำหลายคำที่ใช้แทนกันได้ตลอด เช่น ในข้อสอบขีดคำว่า สิงโต มาให้และบอกว่า “สิงโต คือ เจ้าป่า” แต่ไม่ได้ขีดที่เจ้าป่า ซึ่งในเนื้อหาของบทความส่วนหลังๆมักจะมีการหลอกผู้เข้าสอบให้ผิดง่ายๆด้วยการนำคำว่า เจ้าป่า มาแทนคำว่า สิงโต เช่น เมื่อบทความบอกว่า “การมีเจ้าป่ารุ่นใหม่เกิดขึ้นทำให้อาหารของหมาป่าลดลง” น้องก็ต้องโยงสิงโตไปยังอาหารของหมาป่าลดลงด้วยนะครับ จำไว้เลยว่า ไอ้โม่งนี่แหละเป็นตัวการทำให้คะแนนหายไปหลายคะแนนเลย

5.ไฮไลต์ให้หมด

     คำหลักที่ข้อสอบกำหนดมาให้เช่น หมาป่า ตัวข้อสอบจะขีดเน้นมาให้ที่เดียวในบทความ แต่คำว่าหมาป่าอาจจะมี 5-6 ที่เลยก็ได้ สิ่งสำคัญก็คือ น้องๆต้องไฮไลต์คำหลักที่ข้อสอบไม่ได้ขีดเน้นมาให้ทั้งหมดเลย เพราะว่าถ้าน้องไม่ไฮไลต์ไว้ จุดเชื่อมโยงหลายๆจุดก็จะหายไปเพราะความประมาทของน้องแน่ๆครับ

    นี่ก็เป็นกฎ 5 ข้อสู่การพิชิตGAT พาร์ทเชื่อมโยง ซึ่งพี่เชื่อว่าถ้าน้องคนไหนทำได้ครบทุกข้อ 150 คะแนนเต็มจากพาร์ทเชื่อมโยงก็จะไม่หนีน้องไปไหนแน่ๆ โดยเฉพาะข้อที่ 3 นะที่ต้องจำให้ขึ้นใจเลย อย่าคิดไปเองเด็ดขาดเพราะการคิดไปเองนั้นทำให้คนที่มีเทคนิคแน่นเต็มหัวพลาดมาหลายรายแล้ว
-ที่มา :http://www.tewfree.com/%E0%B8%81%E0%B8%8F-5-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95-gat-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%87/ 

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โรคมือเท้าปาก หรือ Hand-Foot-and-Mouth Diease

เด็กดีดอทคอม :: "โรคมือ เท้า ปาก" โรคใหม่ ที่กำลังระบาดในเด็กไทย !!

                 โรคมือเท้าปาก หรือ Hand-Foot-and-Mouth Diease ในช่วงระยะหลังค่อนข้างคุ้นหูกับโรคนี้ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในโรงเรียนอนุบาล-ประถม  เพราะเป็นโรคที่พบมากในวัยเด็กที่ต่ำกว่า 10 ขวบ (แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้นะคะ) เกิดจากเชื้อไวรัส  Coxsackie virus A16 หรือ Enterovirus 71 สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายมาก ผ่านการสัมผัสน้ำลาย เสมหะ หรือน้ำจากตุ่มใสของผู้ป่วย ซึ่งในแง่นี้รวมถึงการสัมผัสโดยอ้อมจากการหยิบจับสิ่งของที่ผู้ป่วยได้เคยจับมาด้วย โดยระยะที่แพร่เชื้อได้ดีที่สุด คือ ในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าถ้าโรงเรียนใด พบนักเรียนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ให้ปิดชั้นเรียนหรือโรงเรียนทันที!!

                  เมื่อได้รับไวรัสเข้าไปในร่างกายแล้ว ไวรัสจะแบ่งตัวที่เยื่อบุในกระพุ้งแก้มและในลำไส้เล็ก หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง มีระยะฟักตัวแค่ 3-6 วัน จนกระทั่งเชื้อไวรัสจะแพร่ไปตามกระแสเลือดไปฝังตัวตามเยื่อในช่องปาก มือและเท้า จนเกิดอาการตามชื่อของโรค
เด็กดีดอทคอม :: "โรคมือ เท้า ปาก" โรคใหม่ ที่กำลังระบาดในเด็กไทย !!

                  อาการของโรคนี้ค่อนข้างเห็นชัดเจนมาก เนื่องจากแสดงออกมาภายนอกร่างกายด้วย อาการเริ่มต้นจะคล้ายๆ กับการเป็นไข้โดยทั่วไป คือ ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 2 วัน จะมีแผลในช่องปาก โดยเป็นผื่นและตุ่มแดง คล้ายๆ แผลร้อนใน ต่อมาก็จะเป็นตุ่มน้ำ และหากมันแตก แผลเล็กหลายๆ แผลก็มีโอกาสรวมเป็นแผลขนาดใหญ่ด้วย ส่วนมากแผลจะเกิดขึ้นที่เพดานปาก เยื่อบุช่องปากและลิ้น นอกจากภายในปากแล้ว มือและเท้าก็จะมีผื่นอยู่ตามแขน ขาและมือด้วย ซึ่งจำนวนของรอยผื่นก็มีโอกาสที่จะเป็นเพียงนิดเดียวไปจนถึงมีมากเป็นร้อยๆ จุด แต่ผื่นและตุ่มเหล่านี้
 จะตกสะเก็ดและหายไปเองได้ภายใน 7-10 วันค่ะ
เด็กดีดอทคอม :: "โรคมือ เท้า ปาก" โรคใหม่ ที่กำลังระบาดในเด็กไทย !!

                    ถามหาการรักษาโรคมือเท้าปาก ขอบอกว่าไม่มีค่ะ!! ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคนี้โดยตรง แต่คุณหมอจะแยกรักษาตามอาการที่เราป่วย เช่น ถ้ามีไข้ก็จะให้ยาลดไข้ ถ้าเจ็บปากก็จะให้ดิ่มน้ำเยอะๆ หรือป้วนปากด้วยน้ำเกลือ ซึ่งอาการป่วยนั้น ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนก็จะหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์ค่ะ แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี มีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ก็ต้องรักษาตามอาการของโรคแทรกซ้อนต่อไป

                   สำหรับการป้องกัน สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความสะอาดค่ะ หากเราหยิบจับสิ่งของที่เป็นของผู้อื่น ก่อนกินข้าวหรือหลังเข้าห้องน้ำ ควรล้างมือให้สะอาด เป็นไปได้ก็ควรล้างด้วยสบู่  เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อโรค รวมถึงห้องเรียน ห้องน้ำ ของใช้ส่วนรวมก็ควรทำความสะอาดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้สำหรับโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีคนรวมตัวกันอยู่เยอะๆ หากพบคนที่่ป่วยก็ควรแยกออกจากกลุ่ม เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่เข้าสู่คนอื่น และงดกิจกรรมที่ต้องร่วมกับคนอื่นด้วย และถ้าหากพบเกินจำนวนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ก็ควรปิดชั้นเรียนหรือปิดโรงเรียนไปเลย ซึ่งโควตาผู้ป่วยที่กระทรวงฯ กำหนด มีดังนี้

            - ถ้าพบนักเรียนในห้องเดียวกันมีคนป่วยเกิน 2 คน ต้องปิดห้องเรียนและทำความสะอาด
            - ถ้าพบนักเรียนในระดับชั้นเรียนเดียวกัน ป่วยเกิน 3 คน ต้องปิดการเรียนการสอนทั้งระดับชั้น
            - ถ้าพบนักเรียนป่วยกระจายตามระดับชั้นต่างๆ เกิน 5 คน ต้องปิดโรงเรียน

                  ซึ่งเบื้องต้นโรงเรียนทั่วประเทศก็ปิดไปหลายสิบโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ ลองเช็ครายชื่อได้
>>คลิกที่นี่<< ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบกันอย่างเต็มที่ว่ายังมีโรงเรียนที่มีผู้ป่วยอีกหรือไม่

เด็กดีดอทคอม :: "โรคมือ เท้า ปาก" โรคใหม่ ที่กำลังระบาดในเด็กไทย !!

   เกร็ดที่ต้องรู้!! เกี่ยวกับโรคมือเท้าปาก

            - เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทุกปี แต่คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญ
            - ระยะฟักตัวตั้งแต่ได้รับเชื้อและเกิดอาการต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 4-6 วัน
            - ถึงแม้ว่าช่วงแพร่เชื้อที่กระจายได้มากที่สุด คือ สัปดาห์แรกของการป่วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพอพ้นสัปดาห์แรกแล้วจะหายไป เพราะความจริงแล้วเชื้อยังสามารถกระจายได้อยู่จนกว่ารอยโรคจะหายไป หรือบางครั้งเชื้ออาจอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยได้เป็นเดือนๆ
            - รอยผื่นหรือจุดแดงของโรค ส่วนใหญ่มักพบที่หลังมือ/หลังเท้า ด้านข้างของนิ้วมือ/นิ้วเท้า มากกว่าที่จะขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า
            - โรคที่มีอาการคล้ายโรคมือเท้าปาก ได้แก่ หัดเยอรมัน แผลร้อนใน-แผลติดเชื้อในช่องปาก และอีสุกอีใส
            - อาการแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก ได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาเจียน ซึ่ม และชักเนื่องจากมีไข้สูง
           - ช่องทางที่เชื้อไวรัสจะแพร่เข้าสู่ร่างกายทางปากได้โดยตรง เช่น ช้อน แก้วน้ำ และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มใส แผลในช่องปาก หรืออุจจาระของผู้ป่วย
           - หากมีอาการเหล่านี้ พบแพทย์ด่วน!! ไข้สูง กินยาแล้วไม่หาย กระสับกระส่าย แผลในช่องปากเกิดขึ้นเยอะและไม่หาย เจ็บปาก ดื่มน้ำหรือกินข้าวไม่ได้

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แคว้นทั้ง22ของฝรั่งเศส

แต่เดิมประเทศฝรั่งเศสมีชนดั้งเดิมมายึดครองอยู่คือชาว "Gaulois"พวกเขาได้เรียกประเทศฝรั่งเศสว่า LE GAULE

  1. ILe-de-France ที่ตั้งอยู่ที่ Bassin Parisien อาหารประจำแคว้นได้แก่ เนย,สถานที่สำคัญของแคว้นได้แก่ Versailles ราชวังของพระเจ้าLouisXIV ปารีสเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส
  2. Centre อยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Pays de Loire เป็นเมืองหลวงประจำแคว้นผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ พืช,ผักสวนครัว,องุ่น,ข้าวโพด
  3. Pays de Loire แคว้นนี้มีชายแดนทางตะวันตกติดกับแคว้น Bretagne ทิศตะวันออกติดกับแคว้น Centre ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับที่ราบสูง มีเมืองหลวงชื่อว่า Nantes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ไร่องุ่น ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญคือเหล้าองุ่นขาว แคว้นนี้มีปราสาทสวยงามมากมายที่สุดในฝรั่งเศส
  4. Bretagne เป็นแคว้นที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นไปในมหาสมุทรแอตแลนติค เป็นแคว้นเดียวในฝรั่งเศสที่ไม่มีการผลิตเหล้าองุ่น เนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะสมที่จะปลูกองุ่น แต่มีการประมงเป็นหลักเพราะติดทะเล เมืองหลวงของแคว้นมีชื่อว่า Rennes ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ พืชไร่ที่เราเรียกว่า le cidre ขนมที่ขึ้นชื่อคือ Crepes เมืองท่าที่สำคัญมีชื่อว่า Brest ส่วน Saint-Malo เป็นเมืองเก่าแก่ของแคว้น
  5. La Basse-Normandieเป็นแคว้นที่มีชายฝั่งทะเลตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติค ชายฝั่งทางเหนือติดกับอ่าว Manche ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับแคว้น Bretagne และทางทิศตะวันออกติดกับแคว้น Haute-Normandie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Caen ผลผลิตที่สำคัญคือ ข้าวสาลี,นม,การประมง สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ Le Mont-Saint-Michel เป็นโบสถ์โบราณเก่าแก่สถาปัตแบบโรมัน สร้างอยู่บนโขดหินใกล้ทะเล
  6. La Haute-Normandie มีเขตติดต่อกับแคว้น Basse-Normandie มีการผลิตเนยชั้นนำคุณภาพ และนำแอปเปิ้ลที่มีคุณภาพรสชาติอร่อย เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Rouen
  7. Picardie เป็นแคว้นที่ค่อนไปทางเหนือของฝรั่งเศส มีเมือง Amiens เป็นเมืองหลวง ผลผลิตสำคัญคือ ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์,การปลูกหัวผักกาดหวาน
  8. Nord-Pas de Calais แคว้นนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศฝรั่งเศส มีเมือง Lille เป็นเมืองหลวงประจำแคว้น เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่มีรถไฟใต้ดินวิ่งป็นเมืองแรกในฝรั่งเศส แคว้นนี้ผลิตเบียร์อย่างมีคุณภาพ เนื่องจากภูมิประเทศเหมาะกับการปลูกข้าวสาลีและข้าวบาร์เล่ย์
  9. Le Champagne แคว้นนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Picardie เมืองหลวงประจำแคว้นชื่อ Chalons-sur-Marne ผลผลิตสำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลี,การเลี้ยงสัตว์ สถานที่สำคัญประจำแคว้นนี้คือ" โบสถ์เมือง Reims "ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมGothique
  10. Lorraine ที่ตั้งของแคว้นนี้อยู่ทางชายแดนประเทศเบลเยี่ยม,ประเทศลักเซมเบอร์กและประเทศเยอรมัน เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Nancy ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,ข้าวสาลีและการเลี้ยงสัตว์
  11. Alsace เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Lorraine มีเมืองหลวงชื่อ Strasbourg ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ ข้างสาลี,องุ่น,ข้าวโพด,ยาสูบ เครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงประจำแคว้นได้แก่ เหล้าองุ่นขาวคุฌภาพเยี่ยม
  12. Franche-Comte แคว้นนี้ตั้งอยู่ระหว่างแคว้น Bourgogne และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมืองหลวงชื่อว่า Besacon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ขนมปัง,เครื่องเทศ นาฬิกาชั้นนำมักจะผลิตที่นี้เป็นสินค้าส่งออก อาหารดังประจำแคว้นเนื่องจากว่าแคว้นนี้ผลิตเบียร์ได้มากจึงมีเบียร์คุณภาพ,เนยคุณภาพดี
  13. La Bourgogne ตั้งอยู่ทางใต้ของแคว้น Champagne, อยู่ทางตะวันออกของ Pays de Loire ทางทิศตะวันตกของ Franche-Comte และทิศเหนือของแคว้น Rhone-Alpes เมืองหลวงชื่อ Dijon ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,นม,เหล้าองุ่น อาหารดังประจำแคว้นมีชื่อว่า ไก่อบเหล้า,หอยทากอบ เหล้าองุ่นและเหล้าชนิดอื่นก็มีชื่อเสียงเช่นเดียวกันสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ พระราชวังของดยุ๊ก
  14. Rhone-Alpes ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Bourgogne และ Franche-comte เมืองหลวงมีชื่อว่า Lyon ผลผลิตที่สำคัญได้แก่ องุ่น,การเลี้ยงสัตว์,ข้าวสาลี,ข้าวโพด
  15. L'Auvergne เป็นแคว้นที่มีภูเขาไฟ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของแคว้น Limousin ทางทิศใต้ของแคว้น Bourgogne เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Clermont-Ferrand ผลผลิตสำคัญได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,ข้าวบาร์เลย์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ โบสถ์ Notre-Dame
  16. Limousin เป็นแคว้นที่มีการเลี้ยงแกะ ทางทิศตะวันตกของแคว้นเป็นที่ราบสูงกว้างใหญ่ ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา เมืองหลวงชื่อ Limoges ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นได้แก่ การเลี้ยงสัตว์ประเภทวัว แพะ แกะ สินค้าประจำแคว้นได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา,เครื่องเคลือบลายคราม
  17. Poitou-Charentes แคว้นนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของแคว้น Limousin อยู่ทางทิศใต้ของแคว้น Centre เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Poitiers สินค้าประจำแคว้นได้แก่ ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์,องุ่น,เหล้า
  18. Aquitaine เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่มีชายฝั่งออกติดกับแนวมหาสมุทรแอตแลนติค เมืองหลวงชื่อ Bordeaux สินค้าของแคว้นคือ องุ่น,ยาสูบ,ข้าวสาลี,ข้าวโพด,การเลี้ยงสัตว์ และผลิตเหล้าคุณภาพดีมีลูกพรุนรสชาติดีนิยมกันมาก
  19. Midi-Pyrenees ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น Aquitain และอยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Auverne เมืองหลวงชื่อ Toulouse ซึ่งแคว้นนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นเมืองที่มีการผลิตเครื่องบิน ผลผลิตที่สำคัญของแคว้นได้แก่ เนย,เนยแข็ง
  20. Lanquedoc-Roussillon เป็นแคว้นที่มีชายแดนติดต่อกับแคว้น Provence ทางตอนใต้ติดกับทะเลสาป เมืองหลวงชื่อ Montpellier ผลผลิตสำคัญประจำแคว้นคือ องุ่น,เหล้าไวน์ ,พืชผักสวนครัว,เหล้า สถานที่สำคัญได้แก่ Site เป็นเมืองท่าสำคัญ,เมือง Agen เป็นเมืองตากอากาศ
  21. Provence-Cote d'Azur ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายแดนติดกัยอิตาลี เมืองหลวงของแคว้นชื่อ Marseille ผลผลิตที่สำคัญคือการปลูกดอก lavande ,การปลูกไร่องุ่น,การเพาะปลูกพืชผักสวนครัว
  22. Corse แคว้นนี้ลักษณะเป็นเกาะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของเมืองนีช เมืองหลวงชื่อ Ajaccio ผลผลิตสำคัญได้แก่ ลูกเกาลัด,องุ่น,ผลไม้,ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร,เนยแข็งจากนมแกะ,เหล้าองุ่นแดงและชมพู ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเด่นของแคว้นCorse

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ยูเนสโกขึ้นทะเบียนภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น

ภูเขาไฟฟูจิ,ทะเบียนมรดกโลก

ยูเนสโกขึ้นทะเบียนภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น พื้นที่ปลูกข้าวแบบขั้นบันไดโบราณของจีนวัฒนธรรม
และเมืองทะเลทรายแห่งอะการ์ดาซในไนเจอร์ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประชุมประจำปีครั้งที่ 37 ณ กรุงพนมเปญ พร้อมขึ้นทะเบียนภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไม่ใช่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยอธิบายว่า ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น 3,776 เมตรแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่คนรู้จักมากที่สุด ภาพยอดเขาฟูจิที่มีหิมะปกคลุมได้สร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินและกวีมากมาย อีกทั้งภูเขาลูกนี้ยังเป็นเป้าหมายของนักเดินทางมาหลายร้อยปี ความน่าเกรงขามของรูปทรงและความคุกรุ่นของภูเขาในอดีต นำไปสู่การประกอบศาสนกิจซึ่งเชื่อมโยงลัทธิชินโต ศาสนาพุทธ คน และธรรมชาติ เข้าด้วยกัน
ภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ที่ 17 ของญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกสถานที่อื่นๆ ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นมรดกโลก ประกอบด้วยเมืองโบราณอะกาเดซในไนเจอร์ ซึ่งเป็นประตูสู่ทะเลทราย สถานีล่าปลาวาฬอ่าวแดงของชาวบาสก์ในแคนาดา พื้นที่ทำนาข้าวแบบขั้นบันไดของชาวหวงเหอ ฮั่น ทางตอนใต้ของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีที่ยอดเยี่ยมในการปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม โดยบูรณาการการทำเกษตรเข้ากับระบบจัดการน้ำ
นอกจากนี้แหล่งโบราณคดีอัล ซูบาราห์ของกาตาร์ และเมืองท่าประวัติศาสตร์เลวูกาของฟิจิ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นครั้งแรก รวมทั้งภูเขาเอตนาของอิตาลี ป้อมปราการบนภูเขาแห่งราชสถานในอินเดีย และทะเลทรายนามิบล่าสุดโบราณสถานในเมืองแกซอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเบาของเกาหลีเหนือ และมีซากปราสาท มานวอลแด รวมถึงซากกำแพง อายุ 700 ปี ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกนับเป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ในเกาหลีเหนือ รองจากสุสานโคดูเรียวในกรุงเปียงยาง

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดอกไม้ ที่ขาดไม่ได้ในพานไหว้ครู

พานไหว้ครู จะประกอบด้วย ธูป เทียน และดอกไม้ 
ดอกไม้ ที่ขาดไม่ได้ในพานไหว้ครู คือ หญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ และดอกเข็ม ซึ่งเป็นองค์ประกอบในพานดอกไม้แต่ละอย่างล้วนเป็นปริศนาธรรมทั้งสิ้น 
หญ้าแพรก
 เป็นตัวแทนที่แสดงถึงความเข้มแข็ง อดทนถึงแม้จะแห้งแล้ง คนเดินเหยียบย่ำ หญ้าแพรกก็จะไม่ตาย พอได้รับโอกาสที่เหมาะสม ได้รับความชุมชื้น ก็จะแตกยอดเจริญงอกงามเป็นอย่างดี  ครูจึงต้องเป็นผู้ที่เข้มแข็งอดทนต่อปัญหาต่าง ๆ ของนักเรียนนักศึกษามากมาย และค่อย ๆสะท้อนปลูกฝังความมุ่งมั่นอดทน เข้มแข็งไปสู่นิสัยของนักเรียน นักศึกษา ฝึกให้เขาเข้มแข็งอดทนให้จงได้

      ข้าวตอก
เป็นข้าวที่เกิดจากการใช้เมล็ดข้าสารไปคั่ว โดยมีฝาครอบไว้ เมื่อได้รับความร้อนระดับหนึ่ง เมล็ดข้าวก็จะพองตัวและแตกตัวออกเป็นข้าวตอก มีกลิ่นหอม  เช่นเดียวกับการให้การศึกษา ครูผู้สอนต้องให้การอบรมคู่กันไปด้วย "อบเพื่อให้สุกรมเพื่อให้หอม" เช่นเดียวกับการทำข้าวตอก
            การสั่งสอนอบรมของครู บางครั้งต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน ติติงหรือทำโทษ ในการกระทำที่ไม่เหมาะสมเสมือนการใช้ความร้อนกับเมล็ดข้าว โดยมีกฏระเบียบหรือแนวปฏิบัติ เสมือนเป็นฝาครอบ ไม่ให้ลูกศิษย์กระเด็นกระดอนออกนอกลู่นอกทาง ครูจึงต้องทำหน้าที่สั่งสอนอบรมให้นักเรียน นักศึกษาเป็นดังเช่นข้าวตอก คือ "สุกและหอม" ซึ่งหมายถึง การสั่งสอนแนะนำให้เขามีความรู้ความสามารถและเป็นคนดีที่ยอมรับนั่นเอง
        
ดอกมะเขือ
ลักษณะของดอกมะเขือ เวลาบานจะสีขาวสะอาดและดอกจะโน้มคว่ำลงพื้นดินซึ่งก็เป็นปริศนาธรรม แสดงถึงความสะอาดบริสุทธิ์ของจิตใจ เป็นคนซื่อสัตย์ อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ

             ดอกเข็ม
ลักษณะของดอกเข็มจะมียอดดอกแหลม ซึ่งเป็นปริศนาธรรมว่า ครูต้องจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังความคิด ให้นักเรียนนักศึกษาเป็นคนฉลาด(หัวแหลม) รู้จักวิเคราะห์วิจารณ์ ใช้ความคิดให้เป็นประโยชน์แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบเห็น ความเฉียบคมทางความคิดจะทะลุทะลวงทุกปัญหาได้

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมืองคานส์






เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติสุดยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ของฝรั่งเศสนั่นเอง  Travel Marvel ของเราในวันนี้ จึงขอพาคุณผู้ชม ไปเที่ยวที่เมืองคานส์กัน ไปดูกันว่าเมืองตากอากาศสุดหรูของฝรั่งเศสเมืองนี้ น่าสนใจยังไง และเหตุใดถึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก


หากพูดถึงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลก หลายคนคงต้องนึกถึงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ในประเทศฝรั่งเศสเป็นอันดับแรกๆ เพราะนอกจากความเก่าแก่ และความน่าเชื่อถือของการตัดสินรางวัลต่างๆแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ มีมนต์ขลัง และมีเสน่ห์มัดใจคอหนังทั่วโลก ก็คือสถานที่จัดงานของเทศกาลดังกล่าว ที่มีความสวยงามน่าหลงใหล และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ใครก็ตามที่ได้ชมบรรยากาศของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ก็จะมีความรู้สึกที่ว่า เมืองๆนี้มีความสวยงาม เหมาะแก่การไปพักผ่อนท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง  Travel Marvel ของเราจึงขอพาคุณผู้ชมไปเยือนเมืองคานส์กัน ไปดูสิว่าจะสวยงามสมคำร่ำลือขนาดไหน


เมืองคานส์ตั้งอยู่ริมชายฝั่ง Côte d'Azur หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า French Riviera ในอดีตเป็นที่พักตากอากาศฤดูหนาวของคนชั้นสูงของอังกฤษ เนื่องจากมีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี อีกทั้ง ชายหาดก็มีความสวยงามมากกว่าหาดอื่นๆในยุโรป ต่อมา สถานที่พักตากอากาศ และโรงแรมหรูทั้งหลาย จึงแห่กันไปเปิดกิจการ จนทำให้เมืองคานส์เป็นเมืองตากอากาศขึ้นชื่อในเวลาต่อมา


สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหน ที่สนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองคานส์นั้น มีให้เลือก 2 รูปแบบ คือการไปท่องเที่ยวระหว่างที่กำลังมีงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ หรือจะไปเที่ยวช่วงเวลาปกติ เพราะช่วงเวลาที่เมืองคานส์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นั้น สถานที่ต่างๆ ในเมืองจะมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ รวมถึงร้านค้า และพิพิธภัณฑ์ทั้งหลาย ก็จะจัดแสดงสินค้า หรือของที่ระลึก ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้ อีกทั้งโรงภาพยนตร์ทั้งหมด ก็จะฉายภาพยนตร์ที่เข้าร่วมประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ด้วย เรียกได้ว่า มาเที่ยวเมืองคานส์ในช่วงนี้ คุ้มสุดๆกว่าช่วงอื่น


และหากใครที่มาเยือนเมืองคานส์แล้ว บอกได้เลยว่าห้ามพลาดสถานที่เหล่านี้เป็นอันขาด เริ่มจากถนนช็อปปิ้งชื่อดัง ที่ไม่มีสถานที่แห่งใดในเมืองคานส์ จะโด่งดังไปกว่า La Croissette อีกแล้ว ถนนแห่งนี้ ทอดยาวขนานไปกับชายหาด โดยริมถนนนั้น เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและร้านกาแฟสวยๆ ที่คุณสามารถทอดอารมณ์ชื่นชมความงามของชายหาด ด้วยการนั่งจิบกาแฟบริเวณหน้าร้าน ได้บรรยากาศแบบเมดิเตอเรเนียนสุดๆ


ถัดจากถนน La Croissette ขึ้นมา จะเป็นถนน Rue d'Antibes (ดองทีบส์) ซึ่งเป็นแหล่งที่พักสุดหรูของเหล่าบรรดาเศรษฐี ที่มาซื้อบ้านพักตากอากาศเอาไว้ นอกจากนี้ ก็ยังมีอพาร์ทเมนต์ และโรงแรมชื่อดังอีกมากมายตั้งเรียงรายอยู่ InterContinental Carlton Cannes, Martinez หรือ Majestic Barriere ซึ่งนอกจากโรงแรม และอพาร์ทเมนต์แล้ว ก็ยังมีร้านกาแฟ และร้านอาหารสไตล์บูทีกอีกเป็นจำนวนมาก ที่รอให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่


แต่ถ้าใครที่เบื่อความวุ่นวายของชายหาด และถนน La Croissette แนะนำให้ขึ้นมาพักผ่อนที่เขตชานเมืองของเมืองคานส์ สถานที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนริมเทือกเขาแอลป์ มีชื่อว่า St. Paul de Vence ซึ่งเมื่อขึ้นมาถึงบนนี้แล้ว จะได้พบกับความสงบ และอากาศที่เย็นสบาย และหากใครที่สนใจผลงานศิลปะ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก็สามารถเข้าชมในพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ และก่อนที่จะกลับไปยังตัวเมืองของเมืองคานส์ ก็อย่าลืมถ่ายรูปมุมสูงของเมืองคานส์เอาไว้เป็นที่ระลึก รับรองว่า จะได้ภาพที่สวยงามประทับใจแน่นอน

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

กำแพงเมืองจีนกับจุดสิ้นสุดและส่วนที่กำลังพัง!!




เส้นสีแดง คือ กำแพงเมืองจีน


กำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ทอดตัวยาวหลายไมล์ซึ่งว่ากันว่าสามารถมองเห็นได้ไกลถึงจากห้วงอวกาศกันเลยทีเดียว มาวันนี้สื่อต่างประเทศได้นำภาพอีกมุมหนึ่งของกำแพงเมืองจีนต่างจากที่เราๆท่านๆได้เคยเห็นกันผ่านสื่อต่างๆที่ชินตากัน มีทั้งจุดสื้นสุดของกำแพงเมืองจีนคือจุดสิ้นสุดที่ทอดยาวไปจนสุดริมทะเลและจุดสิ้นสุดกลางหุบเขารวมทั้งซากปรักหักพังต่างๆของกำแพงเมืองจีนจากส่วนที่ชำรุดตามกาลเวลา กับส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบุรณ์





กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดประมาณ 14,600 ลี้ หรือประมาณ 6,700 กิโลเมตร (บางเอกสารบอกว่า 6,350 กิโลเมตร) จึงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ ขณะนี้เหลือเพียง1ใน3เท่านั้นและกำลังจะสั้นลงเรื่อยๆ จากน้ำมือชาวไร่ชาวนาที่อยู่ในดินแดนไกลๆที่นำเอาอิฐหินของกำแพงไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น






หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากำแพงเมืองจีนสร้างครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้แต่แท้ที่จริงแล้วกำแพงเมืองจีนที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์โจว คือเมื่อราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์แคว้นโจว ได้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่นๆ อันได้แก่แคว้นฉี, แคว้นเยี่ยน, แคว้นเว่ย, แคว้นจ้าว, และแคว้นฉิน ...ซึ่งต่อมาแคว้นเหล่านี้ ก็ได้หันมาลงมือก่อสร้างกำแพงต้านข้าศึกตามอย่างแคว้นโจวหรือราชวงศ์โจวบ้าง





เมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยของฉินซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งต่อมาได้ผนึกรวมทั้งหกแคว้นมาเป็นแคว้นใหญ่ หนึ่งแคว้นหรือหนึ่งประเทศแล้ว ก็ได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองจีนทางตอนเหนือของแคว้นฉิน แคว้นเยี่ยน และแคว้นจ้าวเข้าด้วยกัน ..รวมทั้งในยุคสมัยต่อมาในภายหลังคือสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์หมิง ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมออกไปอีก









ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




















ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน







ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน







ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน