วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

กำแพงเมืองจีนกับจุดสิ้นสุดและส่วนที่กำลังพัง!!




เส้นสีแดง คือ กำแพงเมืองจีน


กำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ทอดตัวยาวหลายไมล์ซึ่งว่ากันว่าสามารถมองเห็นได้ไกลถึงจากห้วงอวกาศกันเลยทีเดียว มาวันนี้สื่อต่างประเทศได้นำภาพอีกมุมหนึ่งของกำแพงเมืองจีนต่างจากที่เราๆท่านๆได้เคยเห็นกันผ่านสื่อต่างๆที่ชินตากัน มีทั้งจุดสื้นสุดของกำแพงเมืองจีนคือจุดสิ้นสุดที่ทอดยาวไปจนสุดริมทะเลและจุดสิ้นสุดกลางหุบเขารวมทั้งซากปรักหักพังต่างๆของกำแพงเมืองจีนจากส่วนที่ชำรุดตามกาลเวลา กับส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบุรณ์





กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดประมาณ 14,600 ลี้ หรือประมาณ 6,700 กิโลเมตร (บางเอกสารบอกว่า 6,350 กิโลเมตร) จึงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ ขณะนี้เหลือเพียง1ใน3เท่านั้นและกำลังจะสั้นลงเรื่อยๆ จากน้ำมือชาวไร่ชาวนาที่อยู่ในดินแดนไกลๆที่นำเอาอิฐหินของกำแพงไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น






หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากำแพงเมืองจีนสร้างครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้แต่แท้ที่จริงแล้วกำแพงเมืองจีนที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์โจว คือเมื่อราว 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์แคว้นโจว ได้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากแคว้นอื่นๆ อันได้แก่แคว้นฉี, แคว้นเยี่ยน, แคว้นเว่ย, แคว้นจ้าว, และแคว้นฉิน ...ซึ่งต่อมาแคว้นเหล่านี้ ก็ได้หันมาลงมือก่อสร้างกำแพงต้านข้าศึกตามอย่างแคว้นโจวหรือราชวงศ์โจวบ้าง





เมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยของฉินซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งต่อมาได้ผนึกรวมทั้งหกแคว้นมาเป็นแคว้นใหญ่ หนึ่งแคว้นหรือหนึ่งประเทศแล้ว ก็ได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองจีนทางตอนเหนือของแคว้นฉิน แคว้นเยี่ยน และแคว้นจ้าวเข้าด้วยกัน ..รวมทั้งในยุคสมัยต่อมาในภายหลังคือสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์หมิง ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อเติมออกไปอีก









ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




















ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน







ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน




ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน







ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน



ซากปรักหักพังของกำแพงเมืองจีน

ตำนานวันสงกรานต์ และนางสงกรานต์ทั้ง 7

มีท่านเศรษฐีผู้หนึ่งไม่มีบุตรแต่ต้องการบุตรมาก ด้วยถูกนักเลงสุราที่บ้านใกล้กันนั้นกล่าวคำหยาบช้าต่อเศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงกล่าวถามว่า "เหตุใดท่านจึง กล่าวดูถูกเราผู้มีสมบัติมาก" นักเลงสุราตอบกลับว่า "ถึงแม้ท่านเป็นผู้มีสมบัติมาก แต่ท่านก็ไม่มีบุตร เมื่อเสียชีวิตแล้ว สมบัติเหล่านี้ก็สูญเปล่า เรานั้นมีบุตร ย่อมประเสริฐกว่า" ท่านเศรษฐีจึงได้จัดพิธีบวงสรวงขอบุตรจากพระอาทิตย์ และพระจันทร์ รอนานสามปีก็มิได้เกิดบุตร เมื่ออาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ท่านเศรษฐีจึงพาบริวารไปบวงสรวงขอบุตรจากพระไทร พระไทรมีความเมตตาสงสารเศรษฐีผู้นี้ จึงได้ขึ้นไปบนสวรรค์ทูลขอบุตรจากพระอินทร์ให้แก่เศรษฐี ผู้นั้น พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลกุมารเทวบุตรลงมาเกิดเป็นบุตรของท่านเศรษฐี
          เมื่อภรรยาของท่านเศรษฐีคลอดบุตร ท่านเศรษฐีได้ปลูกปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำ และตั้งชื่อให้ว่าธรรมบาลกุมารธรรมบาลกุมารนี้เป็น เด็กที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดอย่างมาก เรียนรู้ไตรเทพจบเมื่ออายุ ๗ ขวบอีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ภาษานกได้อีก ความดังกล่าวได้ล่วงรู้ถึงท้าวกบิลพรหม ท่านจึงต้องการที่จะทดสอบปัญญาของธรรมบาลกุมาร ท้าวกบิลพรหมจึงได้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ถามปัญหาธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อคือ

          ข้อที่ ๑ เช้าราศีสถิตอยู่แห่งใด
          ข้อที่ ๒ เที่ยงราศีสถิตอยู่แห่งใด
          ข้อที่ ๓ ค่ำราศีสถิตอยู่แห่งใด

          และตกลงกันว่า ถ้าธรรมกุมารสามารถตอบปัญหา ๓ ข้อนี้ได้ ภายใน ๗ วัน จะตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าธรรมบาลกุมารไม่สามารถตอบปัญหาได้ ธรรมบาลกุมารต้องตัดศีรษะของตนบูชาท้าวกบิลพรหมเช่นกัน

          เวลาล่วงเลยไปถึง ๖ วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ด้วยความกลัวอาญาท้าวกบิลพรหม ธรรมบาลกุมาร จึงได้หนีไปแอบซ่อนอยู่ใต้ต้นตาลและบนต้นตาลนั้นมีนกอินทรี ๒ ตัว ผัวเมียทำรังอยู่นกอินทรีทั้งสองได้สนทนากันอยู่ในเรื่องการออกไปหากินในวันพรุ่งนี้ นางนกอินทรี : "พรุ่งนี้เราจะไปหากินที่ไหนกันดี "นกอินทรีตัวผู้ : "พรุ่งนี้เราไม่ต้องออกไปหากินไกลหรอก ด้วยพรุ่งนี้ธรรมบาลกุมารจะต้องตัดศีรษะบูชาท้าวกบิลพรหม เนื่องจากตอบปัญหาไม่ได้"
นางนกอินทรี : "น่าสงสารกุมารน้อยยิ่งนัก ท้าวกบิลพรหมก็ช่างถามปัญหาที่มนุษย์เกินจะตอบได้"
นกอินทรีรู้สึกหมั่นไส้นางนกอินทรีจึงได้บอกถึงคำตอบที่ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารให้นางนกอินทรีได้รู้
นกอินทรีตัวผู้ : "ราศีแห่งมนุษย์นั้นจะสถิตอยู่ที่ร่างกายต่างวาระกัน คือ เวลาเช้าจะสถิตอยู่ที่หน้า มนุษย์จึงต้องล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีสถิตอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องปะพรมน้ำที่หน้าอก และเวลาค่ำสถิตอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้า จึงจะพ้นอัปรีย์จัญไรทั้งปวง"

          ธรรมบาลกุมารเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ได้จดจำคำตอบและนำไปบอกแก่ท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงจำต้องตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่เศียรของท้าวกบิลพรหมมีพิษมาก คือ ถ้าตัดแล้วตั้งไว้บนแผ่นดิน แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ ถ้าโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าฝนก็จะตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล และถ้าทิ้งลงมหาสมุทรน้ำก็จะเหือดแห้ง ท้าวกบิลพรหมจึงรับสั่งเรียกธิดาทั้ง ๗ เพื่อให้นำเศียรของท้าวกบิลพรหมไปแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ ๖๐ นาที แล้วจึงนำไปเก็บไว้ในมณฑปถ้ำธุลีเขาไกรลาศ ครั้นครบกำหนด ๓๖๕ วัน (โลกสมมุติว่าเป็น ๑ปี) เป็นสงกรานต์ ซึ่งหมายถึงขึ้นปีใหม่นั้นเอง นางสงกรานต์ก็จะต้องนำเศียรของท้าวกบิลพรหมแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุเป็นประจำทุกปี


 ความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์
  




         สงกรานต์ ที่แปลว่า "ก้าวขึ้น" "ย่างขึ้น" นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเดือน ที่เรียกว่าสงกรานต์เดือน แต่เมื่อครบ ๑๒ เดือนแล้วย่างขึ้นราศีเมษอีก จัดเป็นสงกรานต์ปี ถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ ในทางโหราศาสตร์
         มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว

         วันเนา แปลว่า "วันอยู่" คำว่า "เนา" แปลว่า "อยู่" หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คืออยู่ประจำที่แล้ว

         วันเถลิงศก แปลว่า "วันขึ้นศก" เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม สำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็น วันที่ ๓ ก็หมายความว่า อย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ ไม่น้อยกว่า ๑ องศาแล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็ได้
วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศแห่งพม่า ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ.ศ. ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา ประกอบกับไทยเราเคยนิยมใช้จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยอีกด้วย ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี

         ปกติวันสงกรานต์จะมี ๓ วัน คือ เริ่มวันที่ ๑๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ เมษายน วันแรกคือวันที่ ๑๓ เป็นวันมหาสงกราต์ วันที่พระอาทิตย์ต้องขึ้นสู่ราศีเมษ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา (พระอาทิตย์คงอยู่ที่ ๐ องศา) วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศกใหม่ และเริ่มจุลศักราชในวันนี้ เมื่อก่อนจริงๆ มีถึง ๔ วัน คือวันที่ ๑๓ -๑๖ เป็นวันเนาเสีย ๒ วัน (วันเนาเป็นวันอยู่เฉยๆ) เป็นวันว่าง พักการงานนอกบ้านชั่วคราว
จะเห็นได้ว่า วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึง พ.ศ.๒๔๘๓ ทางราชการจึงได้เปลี่ยนไหม่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับ หลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ประชาชนก็ยังยึดถือว่า วันสงกรานต์มีความสำคัญ

นางสงกรานต์
      


                      เป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม หรือท้าวมหาสงกรานต์ และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (สวรรค์ชั้นที่ ๑ ในทั้งหมด ๖ ชั้น) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับศีรษะของท้าวกบิลพรหมแห่รอบเขาพระสุเมรุในแต่ละรอบปี หรือในวันสงกรานต์นั้นเอง โดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์ คือวันที่ ๑๓ เมษายน ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่ นางสงกรานต์มีทั้งหมด ๗ องค์ ได้แก่

๑. นางสงกรานต์ทุงษเทวี
                     ทุงษเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ ทัดดอกทับทิม มีปัทมราค (แก้วทับทิม) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ อุทุมพร (มะเดื่อ) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือสังข์ เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์ครุฑ

๒. นางสงกรานต์โคราดเทวี                    โคราดเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันจันทร์ ทัดดอกปีป มีมุกดาหาร (ไข่มุก) เป็นเครื่องประดับภักษาหาร คือ เตละ (น้ำมัน) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จประทับเหนือพยัคฆ์ (เสือ)

๓. นางสงกรานต์รากษสเทวี                    รากษสเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอังคาร ทัดดอกบัวหลวง มีโมรา (หิน) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ โลหิต (เลือด) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายถือธนู เสด็จประทับเหนือวราหะ (หมู)

๔. นางสงกรานต์มัณฑาเทวี
                  มัณฑาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพุธ ทัดดอกจำปา มีไพฑูรย์ (พลอยสีเหลืองแกมเขียว) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ นมและเนย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ ขวาถือเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์คัสพะ (ลา)

๕. นางสงกรานต์กิริณีเทวี
                กิริณีเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดี ทัดดอกมณฑา (ยี่หุบ) มีมรกตเป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ ถั่วและงา อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือปืน เสด็จไสยาสน์เหนือปฏษฎางค์ชสาร (ช้าง)

๖. นางสงกรานต์กิมิทาเทวี
                กิมิทาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันศุกร์ ทัดดอกจงกลนี มีบุษราคัมเป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ กล้วยและน้ำ อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือพิณ เสด็จประทับยืนเหนือมหิงสา (ควาย)

๗. นางสงกรานต์มโหทรเทวี
                 มโหทรเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์ ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) มีนิลรัตน์เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ เนื้อทราย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือตรีศูล เสด็จประทับเหนือมยุราปักษา (นกยูง)
 


วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

10 อันดับแม่น้ำหลากสี บนโลกใบนี้




      อันดับที่ 1. แม่น้ำสองสีที่เจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ก็มีปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีที่สวยงาม โดยแม่น้ำสองสีที่เกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์นั้นเกิดจากการมาบรรจบกันของแม่น้ำสวยสำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำโรน (Rhone River) กับ แม่น้ำอาร์ฟ (Arve River) 




By :  b k on Flickr

   
   อันดับที่ 2. แม่น้ำสามสีที่เมืองพาสเซา (Passau) หรือเมืองแห่งแม่น้ำ 3 สายในประเทศเยอรมนี (Germany) เป็นปรากฏการณ์แม่น้ำสามสีที่เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำทั้ง 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำอิซ (Ilz River) แม่น้ำดานูบ (Danube River) และแม่น้ำอินน์ (Inn River)



By : NASA

     
อันดับที่ 3. แม่น้ำสองสีที่เมืองไคโร (Cairo) ในรัฐอิลลินอยส์ (Illinois) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำโอไฮโอ (Ohio River)กับแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi River) โดยแม่น้ำโอไฮโอนั้นมีสีเขียวส่วนแม่น้ำมิสซิสซิปปีนั้นมีสีน้ำตาล ซึ่งจะสามารถพบความแตกต่างได้มากในช่วงฤดูฝน 



     
อันดับที่ 4. แม่น้ำสองสีที่เมืองฉงชิ่ง (Chongqing) เมืองที่ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน (China) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำเจียหลิง (Jialing River) กับแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River) โดยแม่น้ำเจียหลิงนั้นมีสีฟ้าเขียว ส่วนแม่น้ำแยงซีเกียงนั้นมีสีน้ำตาลเหลือง 





      อันดับที่ 5. แม่น้ำสองสีที่ใกล้ๆกับมาเนาส์ (Manaus) เมืองในประเทศบราซิล (Brazil) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำริโอ เนโกร (Rio Negro River) กับแม่น้ำริโอ โซลิโมย (Rio Solimões) โดยแม่น้ำริโอ เนโกรนั้นมีสีเกือบดำ ส่วนริโอ โซลิโมยนั้นมีสีทราย และในปัจจุบันได้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองมาเนาส์



      อันดับที่ 6. แม่น้ำสองสีในอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ (Canyonlands National Park) ในรัฐยูทาห์ (Utah) ของประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำกรีน (Green River)กับแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) 





     
อันดับที่ 7. แม่น้ำสองสีในเมืองลิทตัน (Lytton) ของรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำธอมป์สัน (Thompson River) กับ แม่น้ำเฟรเซอร์ (Fraser River) โดยแม่น้ำธอมป์สันนั้นมีสีน้ำเงินคราม ส่วนแม่น้ำเฟรเซอร์นั้นมีสีโคลน 



     
อันดับที่ 8. แม่น้ำสองสีในเมืองDevprayag ประเทศอินเดีย (India) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำอลัคนันทะ (Alaknanda River) กับแม่น้ำภาคีรธี (Bhagirathi River) เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวของเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก 





    
  อันดับที่ 9. แม่น้ำสองสีในเมืองโคเบลนซ์ (Koblenz) ของเยอรมนี (Germany) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำโมเซล (Mosel River) กับแม่น้ำไรน์ (Rhine River) โดยแม่น้ำโมเซลมีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส ส่วนแม่น้ำไรน์มีต้นน้ำจากเทือกเขาแอลป์ และเป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรปอีกด้วยค่ะ 





      อันดับที่ 10. แม่น้ำสองสีในเมืองโอซีเยค (Osijek) โดยปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีนี้เกิดจากการบรรจบกันของแม่น้ำดราวา (Drava) กับแม่น้ำดานูบ (Danube River) แม่น้ำที่ยาวที่สุดในสหภาพยุโรป และยาวเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ปลาหมึกลูกหมู


ปลาหมึกลูกหมู หรือ Piglet squid
เป็นปลาหมึกขนาดเล็กโตเต็มที่ขนาดไม่เกิน 10 ซม.

ชื่อสามัญว่า Deep Sea Cranchid Squid 
อยู่ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย (Genus Helicocranchia)
คลาส เซฟาโลโพดา (Class Cephalopoda) 
ไฟลัมมอลลัสกา (Phylum Mollusca)

นักวิทยาศาสตร์ คาดว่า มีปลาหมึกลูกหมู ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย ประมาณ 14 สปีซีส์ แต่ปัจจุบันรู้จักกันเพียง 3 สปีซีส์ 

ในภาพเป็น สปีซีส์ pfefferi ปลาหมึกลูกหมู อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก 300 ถึง 1,000 เมตร

 ลักษณะเด่นของมันคือ มีรูปร่างหน้าตา คล้ายการ์ตูน หนวดตั้งตรง บนหัวคล้ายกับผม ซึ่งต่างจากปลาหมึกชนิดอื่นๆ

ขอบคุณรูปจาก Amazing Things in The World













ปลาหมึกลูกหมู หรือ Piglet squid
เป็นปลาหมึกขนาดเล็กโตเต็มที่ขนาดไม่เกิน 10 ซม.

ชื่อสามัญว่า Deep Sea Cranchid Squid
อยู่ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย (Genus Helicocranchia)
คลาส เซฟาโลโพดา (Class Cephalopoda)
ไฟลัมมอลลัสกา (Phylum Mollusca)

นักวิทยาศาสตร์ คาดว่า มีปลาหมึกลูกหมู ในจีนัสเฮลิคอเครนเชีย ประมาณ 14 สปีซีส์ แต่ปัจจุบันรู้จักกันเพียง 3 สปีซีส์

ในภาพเป็น สปีซีส์ pfefferi ปลาหมึกลูกหมู อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก 300 ถึง 1,000 เมตร

ลักษณะเด่นของมันคือ มีรูปร่างหน้าตา คล้ายการ์ตูน หนวดตั้งตรง บนหัวคล้ายกับผม ซึ่งต่างจากปลาหมึกชนิดอื่นๆ

ขอบคุณรูปจาก Amazing Things in The World

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

Maria Sibylla Merian คือใคร??



                                                    Maria Sibylla Merian

Maria Sibylla Merian อ่านว่า มาเรีย ซิลเบลล่า มาเรียน เกิดวันที่ 2 เมษายน ค.ศ 1647 ในเมืองแฟรงค์เฟิร์ท (Frankfurt) ประเทศเยอรมัน สามีของเธอคือ Johann Andreas Graff มีบุตรด้วยกันสองคนคือ Johanna Helena Herolt และ Dorothea Maria Graff และ มาเรีย ก็เสียชีวิตลงเมื่อ 13 มกราคม ค.ศ 1717 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
Maria Sibylla Merian เธอเป็นนักวาดภาพทางพฤกษศาสตร์ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากๆ คนหนึ่ง ผลงานของเธออยู่ในช่วงศตวรรษที่ 16 เธอได้ร่วมกับกลุ่มนักเดินทางเพื่อบันทึกข้อมูลเสาะแสวงหาวาดภาพพรรณไม้แปลกๆ และก็ได้บันทึกพรรณไม้มากมายจากซูลินัมซึ่งอยู่ทางใต้ของอเมริกาด้วย ทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไม้และเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ไว้ศึกษาและเพาะพันธุ์ต่อไป
Maria Sibylla Merian บน Doodle
Maria Sibylla Merian บน Doodle
ในวันนี้ก็เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 366 ของ Maria Sibylla Merian โดย Google ก็ได้ร่วมรำลึกถึงเธอด้วยการเปลี่ยนโลโก้เป็นรูปวาดธรรมชาติ
ผลงาน Maria Sibylla Merian  ผลงาน Maria Sibylla Merian
และนี่เป็นตัวอย่างผลงานของ Maria Sibylla Merian ขอบคุณรูปภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Maria_Sibylla_Merian



Read more: http://www.comfixclub.com/maria-sibylla-merian/#ixzz2PHtS0FwF